Header

ประโยชน์ดี ๆ จากการกิน Dark Chocolate

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ช็อกโกแลตเป็นของหวานสุดโปรดในดวงใจของใครหลายคน แต่หยิบมากินทีไรกลับรู้สึกผิด หลายครั้งเลยต้องสะกดจิตตัวเองไม่ให้เข้าใกล้ขนมสีน้ำตาล รสชาติหอมหวานนี้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้อ้วน และอาจเกิดสิว แต่อันที่จริงแล้ว ช็อกโกแลตมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะ ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีความหวานน้อยกว่า หากได้ทานทุกวันจะยิ่งดีต่อร่างกาย บอกเลยว่ากินแล้วไม่รู้สึกผิดแน่นอน ไปดูกันเลย !

ดาร์กช็อกโกแลต คืออะไร ?

ดาร์กช็อกโกแลต ผลิตจากเมล็ดโกโก้เช่นเดียวกับช็อกโกแลตประเภทอื่น แต่ต่างกันตรงที่มีสัดส่วนของปริมาณโกโก้ที่สูงกว่า ดาร์กช็อกโกแลตที่วางขายส่วนใหญ่จะมีเปอร์เซ็นต์ของผงโกโก้ ดังนี้

  • ผงโกโก้ 50% : รสชาทานแล้วยังมีรสหวาน
  • ผงโกโก้ 70% : มีรสชาติขมขึ้นมาเล็กน้อย ผู้ที่ดื่มกาแฟดำ 100% ปริมาณโกโก้เท่านี้สามารถทานได้
  • ผงโกโก้ 80% : รสชาติขม นิยมเอาไปทำขนม อาหาร หรือใส่ในเครื่องดื่มมากกว่า
  • ผงโกโก้ 90% : รสชาติขมมาก และมีรสเปรี้ยวที่ติดปาก

ดาร์กช็อกโกแลตนอกจากจะมีน้ำตาลน้อยกว่าช็อกโกแลตประเภทอื่นแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุต่าง ๆ อีกด้วย เช่น ฟลาโวนอยด์ ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น

 

สารอาหารในดาร์กช็อกโกแลต มีอะไรบ้าง ?

ดาร์กช็อกโกแลตที่มีผงโกโก้ 70-85 % ปริมาณ 30 กรัม จะได้รับสารอาหารโดยประมาณ ดังนี้

  • พลังงาน 180 แคลอรี่
  • ไขมัน 12.78 กรัม
  • โปรตีน 2.34 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 13.8 กรัม
  • เส้นใยอาหาร 3.3 กรัม
  • น้ำตาล 7.2 กรัม
  • คาเฟอีน 0.02 มิลลิกรัม
  • น้ำ 0.42 กรัม
  • แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ

แม้ว่าดาร์กช็อกโกแลตจะมีคาเฟอีน และสารทีโอโบรมีนอยู่บ้าง แต่ปริมาณน้อยมากจึงไม่ส่งผลให้นอนไม่หลับหรือใจสั่น

 

ประโยชน์จากดาร์กช็อกโกแลต มีอะไรบ้าง ?

  • สวยท้าแดด ดาร์กช็อกโกแลต มีสาร“ฟลาโวนอยด์” (Flavonoid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นชนิดเช่นเดียวกับไวน์แดง พืชผัก ผลไม้ และใบชา จึงช่วยปกป้องผิวจากแสงยูวีได้นั่นเอง
  • ผิวนุ่มชุ่มชื้น ดาร์กช็อกโกแลตอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก, แคลเซียม, วิตามิน A, B1, C, D และวิตามิน E ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นธาตุอาหารที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น ดูมีชีวิตชีวาได้อีกด้วยย
  • ลดความเครียดส่งผลให้แก่ช้า ดาร์กช็อกโกแลตก็สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนผิวได้ โดยนักวิทยาศาสตร์ก็ได้อธิบายว่า ธาตุอาหารต่าง ๆ ในดาร์คช็อกโกแลตจะช่วยปรับฮอร์โมนของเราให้เป็นปกติ และเร่งร่างกายให้ขับสารเอนโดรฟีนหรือฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา จึงทำให้คนที่ได้กินดาร์กช็อกโกแลตเข้าไปอารมณ์ดี๊ดี ลดความเครียดที่มี และเมื่ออารมณ์ดีก็จะส่งผลไปถึงสุขภาพผิวพรรณให้สวยสดใสเปล่งปลั่งไร้ริ้วรอยนั่นเอง
  • ช่วยลดคอเรสเตอรอล จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา – แชมเปญจน์ ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลื­­­อดได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้อีกด้วย เพราะช็อกโกแลตชนิดนี้มีกรด โอเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อร่างกาย
  • บำรุงหัวใจและเลือด จากผลการวิจัยของประเทศสวีเดนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงเ­­­สียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้สูงถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยป­­­รับสมดุลความดันโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวที่จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันในเว­­­ลาต่อมา ด้วยความที่ดาร์กช็อกโกแลตแท่งสีดำเข้มนั้น อุมดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สำค­­ัญต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซีย และธาตุเหล็ก จีงช่วยบำรุงเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้เราห่างไกลจากภาวะโลหิต โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
  • ช่วยให้ความจำดีขึ้น ดาร์กช็อกโกแลตเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองมากขึ้น­­­ ทำให้เราจดจำอะไรได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Nottingham ในประเทศอังกฤษ เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำของสมองให้น­­­านมากขึ้นถึง 2 – 3 ชั่วโมง
  • เร่งผมยาวผมสลวยสวยเก๋ ดาร์กช็อกโกแลตมีทั้งธาตุเหล็ก, แคลเซียม, สังกะสี และทองแดง ซึ่งมีส่วนช่วยเร่งการผลัดเซลล์ใหม่ แถมยังมีสรรพคุณในเรื่องการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจน จึงส่งผลให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีทำให้ผมหนาและสลวยเงางามไปด้วย
  • ลดอาการซึมเศร้า ดาร์กช็อกโกแลตมีสารเซโรโทนินโดพามีนและฟีนิลไทลามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ ก็ในดาร์กช็อกโกแลตมันมีสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์โมโนเอมินเอ็กซิเดส หรือเรียกสั้นๆว่า ‘’MAO inhibitor’’ ที่มีส่วนคล้ายคลึงกับยา anti-depressent ที่ใช้กับโรคซึมเศร้านั่นเอง และเจ้า MAO inhibitor จะไปทำให้สารสื่อประสาทต่าง ๆ สามารถทำงานได้ดีขึ้น พอส่วนต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึันแล้วความคิดของคุณก็จะแจ่มใสขึ้นตามมา รู้อย่างนี้แล้วเมื่อรู้ตัวว่ากำลังเศร้า เหงาซึม หาทางออกไม่เจอ ก็ลองหยิบดาร์ก ช็อกโกแลตมากินเพลิน ๆ สักนิดนะคะ
  • ความอยากอาหาร การทานช็อกโกแลตจะทำให้สมองกลีบหน้าทำงานดีขึ้น กล่าวคือ มันเป็นศูนย์กลางที่สามารถลดความอยากอาหารให้กับคุณได้ รู้อย่างนี้มีดาร์กช็อคโกแลตติดกระเป๋าสักแท่งนี่ไม่เลวเลยน้าา
  • การลดน้ำหนัก ข่าวดีสำหรับสาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักกัน คือ มีการวิจัยที่พบว่า คนที่ทานช็อกโกแลตในปริมาณที่ปกติจะมีรูปร่างที่เล็กลงกว่าคนที่ไม่ทานช็อกโกแลตเลย เพียงแต่การทานช็อกโกแลตนั้นต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปเพราะอาจทำให้คุณมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแทนได้
  • แม้ดาร์กช็อกโกแลตจะมีประโยชน์กับร่างกาย แต่หากทานในปริมาณที่มากเกินไปก็จะได้รับน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลเสียกับร่างกาย จึงควรทานในปริมาณที่เหมาะสม คือ 20 – 30 กรัม หรือ 1 ชิ้นเล็ก ต่อวัน และควรเลือกช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไปเนื่องจากจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลน้อย และมีสารฟลาโวนอยด์สูง

 

ข้อยกเว้นที่ควรทราบ

ความจริงแล้วช็อกโกแลตก็มีข้อยกเว้นในบางกรณืเหมือนกันค่ะ คือช็อกโกแลตนั้นมีข้อจำกัดบางประการกับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่่ป่วยเป็นโรคไต และไมเกรน หากกินเข้าไปแล้วอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี

สำหรับคนที่เป็นไมเกรน  คือในช็อกโกแลตนั้นมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน (Tyramine) ที่จะยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดอยู่ในระดับต่ำลง อาการปวดไมเกรนอาจหนักขึ้นกว่าเดิม

สำหรับคนที่เป็นโรคไต  ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง หากผู้ป่วยโรคไตกินเข้าไปอาจทำให้เกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลทสะส­มเป็นก้อนนิ่วในกรวยไตมากขึ้น

ดาร์กช็อกโกแลต มีประโยชน์หลายอย่าง แต่ก็ยังมีน้ำตาล และนมผสมอยู่บ้าง จึงควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม 20 – 30 กรัมต่อวัน และควรเลือกช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไป นอกจากนี้ ผู้ที่ป่วยเป็นไมเกรน และโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการกินดาร์กช็อกโกแลต เพราะว่าดาร์ก ช็อกโกแลตมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน ที่จะยิ่งกระตุ้นอาการปวดไมเกรนให้หนักขึ้นกว่าเดิม และมีกรดออกซาลิกสูง ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตค่ะ



แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

เบาหวานแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร

คนส่วนใหญ่ก็ยังอาจจะเข้าใจผิดว่า สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน คือการกินหวาน หรือกินน้ำตาลเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุของโรคเบาหวานนั้นมีมากมาย ขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน

นพ.อดิศร มนูสาร โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ นพ.อดิศร มนูสาร

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
เบาหวานแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร

คนส่วนใหญ่ก็ยังอาจจะเข้าใจผิดว่า สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน คือการกินหวาน หรือกินน้ำตาลเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุของโรคเบาหวานนั้นมีมากมาย ขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน

นพ.อดิศร มนูสาร โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ นพ.อดิศร มนูสาร

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
สังคมก้มหน้า ที่มาของหลายโรค!!

“สังคมก้มหน้า” ที่ได้ยินกันจนคุ้นหูและเห็นภาพเหล่านี้จนชินตา นอกจากนี้ยังส่งผล กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างแล้ว การเสพติดการใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปยังส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพร่างกายด้วย

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
สังคมก้มหน้า ที่มาของหลายโรค!!

“สังคมก้มหน้า” ที่ได้ยินกันจนคุ้นหูและเห็นภาพเหล่านี้จนชินตา นอกจากนี้ยังส่งผล กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้างแล้ว การเสพติดการใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปยังส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพร่างกายด้วย

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
อันตรายจากเสียงดัง ส่งผลร้ายถึงขั้นพิการ ไม่มีทางรักษาให้หายได้

ความดังของเสียงที่ดังและนานเกินไป จะเข้าไปทำให้อวัยวะรับเสียง โดยเฉพาะเซลล์ขนและประสาทรับเสียงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไปในสภาวะระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘หูตึง’ นั่นเอง

blank คลินิกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
อันตรายจากเสียงดัง ส่งผลร้ายถึงขั้นพิการ ไม่มีทางรักษาให้หายได้

ความดังของเสียงที่ดังและนานเกินไป จะเข้าไปทำให้อวัยวะรับเสียง โดยเฉพาะเซลล์ขนและประสาทรับเสียงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไปในสภาวะระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘หูตึง’ นั่นเอง

blank คลินิกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม