Header

ดูแค่เล็บ ก็เช็คโรคได้

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

เคยสังเกตเล็บของเรา หรือเล็บของคนอื่นหรือไม่ ? ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเล็บแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันที่ขนาด รูปร่าง ความสั้น ความยาว และสุขภาพของเล็บที่ขึ้นอยู่กับการดูแลเล็บของแต่ละคน แต่รู้หรือไม่ว่า “เล็บมือ” ของคนเราสามารถบอกสุขภาพได้ โดยพิจารณาจากลักษณะรูปทรง ผิวของเล็บ สีของเล็บ ดอกของเล็บ และวงจันทร์ หรือไม่มีวงจันทร์ที่ฐานเล็บ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะบอกถึงโรคภัยไข้เจ็บ ที่กำลังป่วยอยู่ในขณะนั้น หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนั้น ๆ ได้ในอนาคต ซึ่งเราสามารถสังเกตลักษณะของเล็บได้ง่าย ๆ ได้ดังนี้

เล็บที่มีสุขภาพดี คือ เล็บที่มีสีออกชมพูจาง ๆ จากสีผิวของเนื้อข้างใต้เล็บ พื้นผิวเล็บเรียบ ผิวหนังรอบเล็บมีความแข็งแรงไม่ถอยร่น และเล็บมีความหนาไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ถ้าเล็บมีความแตกต่างไป ให้ลองสังเกตดูเพราะเล็บอาจจะบ่งบอกว่าร่างกายกำลังเป็นโรคอะไรอยู่หรือไม่

เล็บหนาบางมากผิดปกติ มีหลายโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น เชื้อราที่เล็บ ซึ่งนอกจากเล็บจะหนาขึ้นแล้ว เล็บอาจเปลี่ยนสีด้วย เช่น สีเหลือง ขาว หรือสีดำ ผิวเล็บอาจมีความขรุขระร่วมด้วย นอกจากนี้โรคสะเก็ดเงินก็อาจจะมีเล็บหนาได้ จะแตกต่างกับเชื้อที่โรคสะเก็ดเงินมักจะมีอาการเล็บหนาหลาย ๆ เล็บ แต่โรคเชื้อรามักจะเป็นไม่กี่เล็บ

เล็บเว้าลงจนคล้านรูปช้อน (Spoon nails หรือ koilonychia) เล็บจะมีลักษณะขาวซีด อ่อน แบนบาง และแอ่นคล้ายช้อน พบในเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก ผู้สูงอายุอาจมีเล็บที่บางและเปราะแตกง่ายบริเวณปลายเล็บ บางทีเล็บก็จะโค้งไปตามอายุด้วย ซึ่งเป็นมาก ๆ เล็บจะจิกไปในเนื้อได้ง่ายขึ้น อาจเกิดช่องใต้เล็บขึ้นมาทำให้เชื้อโรคเข้าได้ง่าย

ปลายเล็บร่น (onycholysis) ปลายเล็บร่น ปกติแล้วผิวหนังส่วนปลายจะติดกับเล็บ แต่หากมีโรคบางอย่าง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคไทรอยด์ โรคเชื้อราและโรคผื่นผิวหนังอักเสบ รวมถึงการใช้ยาบางชนิด อาจทำให้ขอบของผิวหนังที่ติดกับเล็บมีการร่นลง

เล็บเปลี่ยนสี เล็บที่มีสีขาวครึ่งเล็บพบได้ในคนที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง เล็บที่มีสีขาว 2 ใน 3 ของเล็บพบได้ในคนเป็นโรคเบาหวาน โรคตับแข็งและโรคหัวใจวาย เล็บที่มีสีขาวเป็นแถบขวางอาจเป็นโรคโปรตีนในร่างกายต่ำ

ผิวหนังรอบเล็บบวมแดง คนที่สัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ ผิวหนังรอบเล็บอาจมีการเปื่อยยุ่ย หรือเกิดการระคายเคืองจากสารเคมี เช่น น้ำยาล้างจานและน้ำยาทำความสะอาด บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อราเนื่องจากไม่รักษาความสะอาด ผู้ป่วยบางรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง รอบเล็บอาจบวมแดงและมีหนองร่วมด้วย

นี่เป็นเพียงการสังเกตอาการของเล็บเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าหากมีความสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคต่าง ๆ สำหรับวิธีที่ดีที่สุดคือการไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้องและถูกกับโรค

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น

การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ในส่วนของน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะนั้น คุณผู้หญิงไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้

นพ.บุญชู สถิรลีลา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น

การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี ในส่วนของน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะนั้น คุณผู้หญิงไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้

นพ.บุญชู สถิรลีลา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท (Herniated disc)

ปวดหลังบริเวณเอวส่วนล่าง อาจมีอาการที่หลังเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มักมีอาการในท่านั่ง หรือมีการนั่งงอตัวไปทางด้านหน้า ซึ่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกได้รับแรงกดทับมากที่สุด

นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท (Herniated disc)

ปวดหลังบริเวณเอวส่วนล่าง อาจมีอาการที่หลังเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มักมีอาการในท่านั่ง หรือมีการนั่งงอตัวไปทางด้านหน้า ซึ่งเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกได้รับแรงกดทับมากที่สุด

นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคปอดที่เกิดจากการทำงาน (Occupational lung disease)

ซิลิโคสิส (Silicosis) เกิดจากการหายใจเอาซิลิการูปผลึก (crystalline silica) เข้าไปในปอด โดยองค์กร International Agency for Research on Cancer (IARC) ได้จัดให้ซิลิกาเป็นสารที่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าก่อมะเร็งปอดในมนุษย์ และผู้ป่วยที่เป็นโรคซิลิโคสิสจะมีความเสี่ยงกับโรควัณโรคมากยิ่งขึ้นด้วย

นพ.อธินันท์ ชัญญาวงศ์ศักดิ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคปอดที่เกิดจากการทำงาน (Occupational lung disease)

ซิลิโคสิส (Silicosis) เกิดจากการหายใจเอาซิลิการูปผลึก (crystalline silica) เข้าไปในปอด โดยองค์กร International Agency for Research on Cancer (IARC) ได้จัดให้ซิลิกาเป็นสารที่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าก่อมะเร็งปอดในมนุษย์ และผู้ป่วยที่เป็นโรคซิลิโคสิสจะมีความเสี่ยงกับโรควัณโรคมากยิ่งขึ้นด้วย

นพ.อธินันท์ ชัญญาวงศ์ศักดิ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม