โรคถุงลมโป่งพอง โรคร้ายใกล้ตัว

ทุกวันนี้ รอบตัวเรามีมลพิษมากมาย จนร่างกายรับไม่ไหว โดยหนึ่งโรคร้ายที่พบบ่อยและเกิดขึ้นจากการได้รับมลพิษ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงใกล้ตัว นั่นก็คือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือที่เรามักเรียกกันว่า “โรคถุงลมโป่งพอง” โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ทั่วโลกกว่า 80 ล้านคน และเสียชีวิตปีละกว่า 3 ล้านคนเลยทีเดียว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ เพื่อเตรียมป้องกันและรับมือกันนะคะ
โรคถุงลมโป่งพองคืออะไร
โรคถุงลมโป่งพอง คือภาวะที่ถุงลมภายในปอดมีการขยายตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้พื้นที่ผิวในปอดลดน้อยลง จนทำให้หายใจลำบาก และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งโรคนี้ก่อตัวขึ้นจากการหายใจ และสูดดมเอามลพิษเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลานาน ซึ่งมลพิษดังกล่าวมักอยู่ในรูปของฝุ่น ควัน ก๊าซ สารเคมีที่มีอนุภาคเล็ก ๆ เข้า จึงเกิดการสะสมจนทำลายระบบทางเดินหายใจ อันได้แก่ หลอดลมและปอด ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ระบบหายใจล้มเหลวได้
ทุกคนอาจจะยังเห็นภาพไม่ชัด แต่ถ้าเราพูดถึงการสูบบุหรี่แล้วล่ะก็ต้องร้องอ๋อแน่นอน โดยสาเหตุของโรคถุงลมโป่งพองกว่าร้อยละ 90 เกิดมาจากการสูบบุหรี่ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ก็อย่าชะล่าใจไป เพราะควันบุหรี่มือสองก็สามารถทำร้ายเราได้เช่นกัน นอกจากนี้มลภาวะในอากาศตามท้องถนน ตามโรงงานต่าง ๆ เช่น ควันรถยนต์ ควันอาหาร ก็สามารถก่อโรคได้เช่นเดียวกัน ถือว่าอยู่รอบตัวเรากันเลยทีเดียว
ผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคถุงลมโป่งพอง
ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่
แม่ค้าพ่อค้าขายอาหาร
ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะตามท้องถนน
ผู้ที่ทำงานในโรงงาน หรืออยู่ใกล้โรงงาน

อาการของโรคถุงลมโป่งพอง
ส่วนใหญ่จะมี 2 ลักษณะ ได้แก่
อาการเหนื่อย โดยมักจะเป็นเหนื่อยหอบ หายใจตื้น หายใจลำบากในเวลาที่ออกแรงหรือทำงานหนัก หรือหากถ้ามีอาการหนัก แม้แต่ในขณะพักก็อาจมีอาการเหนื่อยได้ด้วยเช่นกัน
อาการไอ มักจะไอเรื้อรัง โดยมักไอ และมีเสมหะเล็กน้อยในตอนเช้าหลังตื่นนอน
นอกจากนี้ ในบางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดได้
การตรวจวินิจฉัยโรคถุงลมโป่งพอง
สามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติ ร่วมกับการตรวจสมรรถภาพปอดหรือการเป่าปอด เพื่อดูว่ามีการตีบแคบอุดกั้นของหลอดลมหรือไม่
การรักษาโรคถุงลมโป่งพอง
การรักษาโดยใช้ยา ซึ่งมียาหลักคือยาขยายหลอดลม เพื่อบรรเทาอาการ โดยมีทั้งชนิดกิน ฉีด และพ่น
การรักษาโดยไม่ใช้ยา คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และออกกำลังกาย เช่น
- การงดสูบบุหรี่
- การใส่หน้ากากปิดปากเพื่อป้องกันมลพิษ
- การออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
- ในผู้ป่วยที่มีออกซิเจนในร่างกายต่ำอาจมีการให้ออกซิเจนในระยะยาว
รู้จักโรคถุงลมโป่งพองกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าลืมหลีกเลี่ยงมลพิษทางอากาศ ออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาโรคถุงลมโป่งพองกันนะคะ